| อาหารไม่ย่อย เกิดจากระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ  ทำให้มีแก๊สในระบบย่อย และเกิดกรดเกินในกระเพาะ ทำให้เกิดอาการจุก เสียด  แน่น บริเวณลิ้นปี่ สาเหตุของปัญหาที่พบบ่อยมีดังนี้
 
        
          |  |  | การย่อยทำงานไม่มีประสิทธิภาพ  เกิดจากการรีบเร่งกินอาหาร รีบเคี้ยวรีบกลืน หรือกินอาหารปริมาณมากเกินไป  ทำให้เสียเวลาในกระบวนการย่อยนาน เพราะเอนไซม์ในน้ำลายย่อยอาหารไม่ทัน  นอกจากนั้นแล้ว ยังทำให้น้ำย่อยในกระเพาะหลั่งได้น้อยลงอีกด้วย |  |  
          |  |  | ความไวต่ออาหารบางประเภท เช่น อาหารจำพวกแป้งสาลี นม โดยเฉพาะอาหารที่มีเส้นใยมาก เพราะเป็นตัวดูดซับน้ำไว้ เมื่อพองตัวจะทำให้ท้องอืด เกิดอาการจุกแน่น |  
          |  |  | การออกกำลังกายเร็วเกินไปหลังกินอาหาร ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ  เพราะทำให้เลือดที่ควรจะไปเลี้ยงระบบย่อยอาหาร ถูกดึงไปเลี้ยงกล้ามเนื้อแทน  ทำให้เลือดไปเลี้ยงระบบย่อยไม่เพียงพอ |  
          |  |  | แก๊สในระบบทางเดินอาหารมาก  เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและอัดแก๊สบางชนิด  หรือการกินผลไม้หลังกินอาหารที่มีไขมัน เนื่องจากไขมันย่อยช้า  ผลไม้จึงบูดก่อนที่จะได้ย่อย ทำให้เกิดแก๊สขึ้น |  
          |  |  | กรดเกินในกระเพาะ  เกิดจากความเครียดมีผลกระตุ้นให้กล้ามเนื้อกระเพาะอาหารบีบรัดตัว  ซึ่งเป็นการสร้างกรดในกระเพาะ  นอกจากนี้ การดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งมากขึ้น |  ปรับนิสัยการกินแก้อาการอาหารไม่ย่อย
 ลองปรับนิสัยการกินและเปลี่ยนอาหารบางอย่างดู อาจช่วยให้อาการอึดอัดแน่นท้องที่เป็นบ่อยๆ หายเป็นปลิดทิ้งได้
 
        
          |  |  | ไม่ควรกินอาหารให้อิ่มเกินไป เว้นช่วงมื้ออาหารให้ห่างกันนานกว่า 4 ชั่วโมง ควรกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเวลานอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง |  
          |  |  | อย่าดื่มน้ำมากกว่า 1 แก้ว ระหว่างกินอาหาร |  
          |  |  | ควรเลิกกินอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้  หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรกินในปริมาณน้อยๆ ก่อน  ถ้าเป็นผู้สูงอายุที่กินได้น้อยหรือแพ้อาหารบางชนิด ให้กินวิตามินและเกลือแร่รวมเสริมได้ |  
          |  |  | ลดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรืออัดแก๊ส |  นวดกดจุดเท้าบรรเทาอาการ
 การกดจุดที่เชื่อว่าสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร โดยช่วยบรรเทาอาการจุก เสียด  แน่นได้ วิธีนี้ง่ายแสนง่าย เพราะไม่ต้องตระเตรียมอะไร  ขอเพียงความเข้าใจที่ทำให้กดจุดถูกที่ถูกทาง  เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ผ่อนคลาย สบายท้องได้แล้วค่ะ
 
        
          |  | 1. | ใช้หัวแม่มือกดลงบนหลังเท้าตรงร่องเชื่อมนิ้วชี้และนิ้วกลาง บริเวณที่กระดูกมาบรรจบกัน คลึงนาน 2 นาที |  
          |  |  | ใช้หัวแม่มือกดลงบนหลังเท้าตรงเนื้อที่เชื่อมนิ้วชี้และนิ้วกลาง |  
          |  | 3. | ใช้มือขวาประคองเท้าซ้ายไว้ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดกลางฝ่าเท้า รีดขวางไปตามฝ่าเท้าในแนวเส้นทะแยงมุม |  
          |  | 4. | กดจุดฝ่ามือ ใช้นิ้วหัวแม่มือกดรีดตัดไปกลางฝ่ามือซ้ายตามแนวขวาง |  หยูกยาจากธรรมชาติ 
        
          |  |  | นำขิงสด 30 กรัม ชงในน้ำเดือด 500 มิลลิกรัม แช่ไว้ 1 ชั่วโมง แล้วกรองดื่มครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ แก้ท้องอืดและปวดท้อง |  
          |  |  | นำตะไคร้แก่สดๆ ทุบพอแหลกประมาณ 1 กำมือ (50-60 กรัม) ต้มเอาน้ำ แก้อาการแน่นจุกเสียด |  
          |  |  | ชงชากะเพรา โดยต้มใบกะเพราและยอดสด 1 กำมือ ประมาณ 25 กรัม  ในน้ำเปล่า 1 ลิตร ดื่มแทนน้ำ เพื่อช่วยบำรุงธาตุ ขับลม ลดอาการจุกเสียด  ชากะเพรานี้เหมาะสำหรับขับลมในเด็ก |  
          |  |  | อาหารรสขมช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยออกมาทำงานได้ดี ลองกินมะกอก หรือชาสมุนไพรรสขมก่อนอาหาร ก็จะไม่มีอาการอึดอัดแน่นท้องตามมา |  
          |  |  | ผักผลไม้อย่างมะละกอ แอปเปิล ผักชีลาว มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร  ส่วน กะหล่ำปลี แครอต พาร์สลีย์ และน้ำมันมะกอกชนิดพิเศษ  ก็มีสรรพคุณเป็นยาลดกรด ลดการระคายเคือง  ควรกินผักผลไม้เหล่านี้พร้อมอาหาร เพื่อช่วยให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพดีขึ้น |  รู้จักวิธีธรรมชาติที่จะช่วยคลายอาการอึดอัดท้องกันไปหลากหลายวิธีแล้ว วิธีไหนจะให้ผลชะงัด ต้องลองเอาไปใช้ดูค่ะ   นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 209 |