ใครเคยไปเที่ยวภูเก็ต คงรู้ว่าเมืองนี้ เขามีสังคมตลาดเช้าแบบชาวจีนฮกเกี้ยน เป็นธรรมเนียมนิยมแบบดั้งเดิม แต่บ้านริชชี่ แต่กต่างไปแล้ว ตัวร้านตกแต่งแบบสมัยใหม่ ติดกระจกรอบร้าน ด้านหน้ามีกันสาดสีเขียว ยื่นเด่นออกไปเป็นสัญลักษณ์ ภายในร้านมีเครื่องปรับอากาศให้เย็นสบาย เรียกว่าเป็นร้านอาหารร้านแรกๆ ที่ฉีกออกไปจากร้านอาหารพื้นถิ่นทั่วไป
แต่ "บ้านริชชี่" ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ไปเยือน รู้สึกแปลกหน้าหรือขัดเขิน ตรงข้ามกลับรู้สึก เหมือนเข้ามากินอาหารที่บ้านเพื่อน
สำคัญที่สุดคงอยู่ที่ตัวเจ้าของร้านนั่นเอง คุณจุ๋ม- เยาวพรรณ เยาว์วิวัฒน์ คุณจุ๋มเล่าว่า เธอใฝ่ฝันอยากจะมีร้านอาหารเล็กๆ ให้เป็นที่พักพิงของลูกค้า แรกๆ ก็ขายอาหารทั่วไปและเบเกอรี่ จนภายหลังล้มป่วย สามีจึงนำหนังสือชีวจิตมาให้อ่าน จากนั้นเธอจึงเปลี่ยน การกินการอยู่มาเป็นแบบชีวจิต ปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้ง เธอจึงอยากขยายแนวความคิดนี้ ให้ลูกค้าได้กินเพื่อสุขภาพ
แต่อย่าได้สงสัย หากคุณพลิกดูทั่วเมนูแล้วไม่พบอาหารชีวจิตดังกล่าว ที่นี่เค้ายังมีอาหารแบบหมูเห็ดเป็ดไก่ สำหรับคนที่ยังตัดใจไม่ได้ แต่เพียงคุณบอกว่าขอเปลี่ยนเมนูเป็นชีวจิต เมนูเดียวกันนี้ ก็จะถูกดัดแปลงสูตร ให้เป็นชีวจิตแบบถูกต้องตรงเป๊ะ
นอกจากอาหารชีวจิต คุณสามารถเรียกหาน้ำอาร์.ซี.ซึ่งคุณจุ๋มต้มไว้ทั้งดื่มเอง และเผื่อลูกค้าถามหา น้ำเอนไซน์ที่คั้นกันสดๆ หรือน้ำถั่วเหลืองแบบทำเอง ไม่ต้องเติมน้ำจนเจือจางให้เสียอารมณ์
นอกจากอาหรอร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำแครอทรสแซบกลมกล่อม ยำแสร้งว่าซึ่งทำจากผักหลากชนิด และเห็ดหรือนักเกตเต้าหู้ที่เขาใช้เต้าหู้ทอด ห่อด้วยเห็ดสับกับเต้าหู้ แล้วนำมาทอดอีกที เด็ดๆ ทั้งนั้น แถมท้ายด้วยไอศกรีมมะขาม ทำจากน้ำมะขามเปียก รสเข้มข้นแช่แข็ง จนเป็นเนื้อไอศกรีม นอกจากนั้นยังมี คุ้กกี้สมุนไพร ที่มีทั้งคุกกี้ตะไคร้ คุกกี้ขิง แม้แต่คนที่แพ้กลิ่นสมุนไพร ก็สามารถอร่อยกับคุกกี้ทั้งสองได้ ไม่เชื่อก็ลองดู
สภาอาร์.ซี. แห่งนี้ไม่ปิดกั้นใครทั้งนั้น |